แต่งงานมา 3 ปี เรารู้สึกไม่มีความสุข ความสุข 90%ของเรา คือลูก อยากถามว่าผิดที่เราหรือสามี

กระทู้คำถาม
เราแต่งงานกับสามีมา 3 ปี มีลูก 1คน
เราคบกันปีกว่า เกือบ2 ปี มีเเพลนกำลังจะแต่งงานกัน แต่ดันมีอะไรกันครั้งแรกก็ท้องเลย (ฟังดูเหมือนนางเอกละคร) เลยกลายเป็นท้องก่อนแต่ง พอแต่งแล้วก็ย้ายเข้าไปอยู่บ้านสามีเพราะอยู่ใกล้ที่ทำงาน เรื่องกับแม่สามีไม่เคยมีปัญหากัน แม่สามีใจดี แต่ก็พูดเยอะไปหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไร เราเข้าใจ และรู้สึกรักและเคารพแม่สามีกับพ่อสามีเหมือนพ่อแม่ตัวเอง

ช่วงที่คบกัน เคยไปเที่ยวด้วยกันบ้าง แต่ไม่บ่อย เพราะไม่มีเวลาทั้งคู่ ช่วงอยู่ที่หอพักในที่ทำงาน เขาจะชอบเอากับข้าวมาส่งให้เรากินเสมอ ช่วงที่คบกันเราก็รู้สึกได้บ้างว่าเขาค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่เราก็พยายามรับให้ได้ มีทะเลาะกัน เคยคิดจะเลิก แต่เป็นเราเองที่เลิกไม่ได้ และเป็นฝ่ายง้อเขา

พอแต่งงานก็ใช้ชีวิตอุ้มท้อง ทั้งทำงานเป็นกะ(เป็นเวร8-16ชม.หมุนไปเรื่อยๆ) เขาก็ดูแลดี
คนซักผ้าทั้งของเขา ของเรา ของลูก จะเป็นเขาทำ เราก็ทำบ้างบางเวลาแต่หลักๆคือเขา ทำกับข้าวก็เขา กวาดบ้านช่วยกันทำ เขาก็ทำงานที่เดียวกันกับเรา ถ้านับชั่วโมงต่อเดือน ของเขาเยอะกว่าเรา เขาจะเข้าเวร 24ชม.อาทิตล่ะ 3-4วัน มีสังสรรค์กับเพื่อนบ้างบางเวลา แต่ไม่เคยไกลบ้าน ส่วนมากเพื่อนจะมาที่บ้าน เขาเป็นคนเพื่อนเยอะ ส่วนมากก็เด็กๆวัยรุ่นที่ชอบกีฬาเหมือนกัน เวลาเราป่วยเขาจะดูแลดีมาก ดูแลและทำแทนทุกอย่าง นอนเฝ้าไม่ห่าง อาบน้ำให้ก็มี

สิ่งที่เรารู้สึกอึดอัด ไม่มีความสุข คือ

-เขาไม่กระตือรือล้นที่จะเล่นกับลูก เมื่อเขาว่างแทนที่จะช่วยเราดูลูก แต่เขาเลือกที่จะไปเตะบอล ทั้งๆที่เราทำงาน ลงเวรมาก็อยากพักเหมือนกัน

-เขาเป็นคนใจร้อน รออะไรนานๆไม่ได้ อย่างตอนพาเราไปฝากท้องก็บ่นตลอดว่าที่ รพ.คนเยอะ เบื่อ แทนที่เขาจะอดทนไม่ต้องพูดออกมา เพราะเราเองก็เหนื่อยเหมือนกัน

-เราอยากพาลูกไปเล่นเพลแลนในห้างบ้าง เขาก็มีแต่ว่าวันหลังค่อยเล่น ลูกเล่นได้ไม่ถึง 10นาทีเขาก็ไม่พอใจ ไปอุ้มลูกออกมา เด็กมันอยากเล่นมันก็ร้องไห้  (ทั้งๆที่ 3-4เดือนครั้งได้มั้ง) ที่จริงลูกถ้าปล่อยให้เล่นนานๆหน่อย แล้วค่อยชวนออกมาเขาก็ไม่งอแง เขาก็ว่านอนสอนง่ายระดับนึง

-เวลาเราชวนไปงานเทศกาลต่างๆ ที่มีคนเยอะ(งานต่างจังหวัดที่เขาจัดกันส่วนมากก็จะเป็นงานตามประเพณี) เขาก็จะไม่ไป ทั้งๆที่เราอยากไป ทั้งเคลียเวรแล้วจะไปแน่ๆ เพื่อนๆไปกันหมด แต่เขาก็ไม่พาไป (เราขับรถไม่เป็น) เขาบอกว่าไม่สนุกหรอก คนเยอะ ร้อน เปลืองเงิน เปลืองน้ำมัน ให้ประหยัด

-แต่เขาอยากไปทริปถ่ายรูปกับเพื่อนที่ต่างจังหวัดก็มี กลับไปได้ และให้เหตุผลว่า เพื่อประสบการณ์ ไปดูบอลกลับไปได้ไม่เห็นบ่นเปลือง ไม่มีเราเขาก็ไปกับเพื่อน

-ช่วงหลังๆนี่พูดจาไม่น่าฟัง ทั้งน้ำเสียง หน้าตาเหมือนใส่อารมณ์ตลอด เวลาเราทำผิด หรือพูดอะไรผิด พอเราเตือนว่าพูดดีๆก็ได้ไม่ต้องพูดไพเราะเพราะพริ้งอะไร แต่พูดดีๆ ก็บอกว่าดีได้แค่นี้ ถ้ารับไม่ได้เราก็ทุกข์ไปตลอดชีวิตเขาบอก
ตัวอย่าง เราเป็นคนใช้รีโมททีวีคนสุดท้าย แล้วตื่นเช้ามามันหาไม่เจอ คือลูกอาจจะหยิบไปเล่น หรือหล่นแถวๆโซฟาก็ได้ แต่พอหาแล้วหาไม่เจอ เขาก็จะใส่อารมณ์ เหมือนมันเป็นความผิดร้ายแรง ทั้งสีหน้า น้ำเสียง แล้วก็จะทำอะไรหยิบอะไรฟึดฟัดๆน่ะ  คือเราได้ยินแล้วมันไม่อยากยินน่ะ มันเรื่องเล็กนิดเดียวเอง ค่อยๆหาก็ได้ ลูกอาจจะหยิบไปเล่นก็ได้

-เวลาจะไปเที่ยวกัน เราจะต้องเก็บกระเป๋าให้ลูก อาบน้ำให้ลูก แต่งตัวให้ลูก แล้วค่อยได้จัดการตัวเอง มันเลยทำให้เราช้า แล้วเขาก็จะบ่นว่าเราช้าตลอด หน้าเราก็ไม่ได้แต่งผมก็ยังไม่ได้หวี วิ่งขึ้นรถ ไปแต่งในรถ พอแต่งในรถก็จะบ่นว่าเศษผม ฝุ่นแป้งโดนรถ ถ้าให้เขาแต่งตัวให้ลูกมีน้อยครั้งที่เขาจะไม่อารมณ์เสียเพราะลูกจะวิ่งไปทั่ว แล้วเขาจะร้อน แล้วมาพานที่เราว่าเราช้า ว่าลูกงอแง

-เขาไม่เคยชมว่าเราสวยเลย ไม่เคยเลยจริงๆนะคะ แถมยังตำหนิการแต่งตัวของเราว่าเราไม่มีสไตน์ ใส่อันนั้นอันนี้ไม่คือ บ้างก็ว่าแต่งหน้าไม่เข้ากับชุด
-ถ้าเราพูดอะไรผิด เขาจะเถียง และไม่เคยยอม บางครั้งยอมเราบ้างก็ได้ไหม

-เขาชอบบ่นว่าเราตื่นสาย และชอบตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แต่ไม่ลุก และตั้งให้ปลุกซ้ำทุก 10นาที เพื่อ? บางอาทิตย์เราทำงานต่อกัน 7-8เวร บางวันเข้า8โมง ลง 6ทุ่ม 16ชม. เราอยากตื่นสายบ้าง เพราะเราเหนื่อย เขาก็ยังตำหนิ มันเป็นความรู้สึกว่า เหมือนเขาไม่พยายามเข้าข้างเราเลยว่าเราเหนื่อย เพราะกว่าเราจะได้ตื่นสายแบบนี้ก็มีแค่ช่วงนี้เท่านั้น อีกหน่อยลูกเข้าโรงเรียนก็ไม่ได้ตื่นสายแล้ว แต่ก่อน ลูกยังเล็ก เราให้นมลูกจากเต้า ตลอด 2 ปี กลางคืนเราต้องตื่นห่มผ้าให้ลูก ตื่นให้นมลูก กว่าจะผ่านมันมา เราหนื่อยทุกวัน บางวันตอนที่ลูกยังเล็ก ลูกร้องไห้กลางดึก เป็น 2-3 ชม.ก็เป็นเราที่ดูลูก ทั้งๆที่เราก็ต้องตื่นไปทำงานเหมือนกัน

-เวลาชวนเขาไปกินอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเขาไม่ชอบ เขาก็จะไม่พาไป บอกว่าแพง เราชวนเขาแค่ปีละครั้งเองนะ คือเข้าใจไหมเราขอแค่ปีล่ะครั้ง  นอกจากเขาจะนึกอยากกินขึ้นมา ถึงพาเราไปเอง หรือไม่ถ้าเขาอยากกินพิชซ่าแทน เขาก็จะไปกินพิซซ่า

-เขาไม่ยอมหัดรถให้ เพราะบอกว่าขอดูพฤติกรรมในการดูแลความสะอาดรถของเราก่อน กลัวว่าเราจะใช้รถรก นี่คือสิ่งที่เขาบอก ซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาคิดแบบนั้นจริงๆไหม เราว่ามันดูเวอร์มาก และเราขอให้เขาหัดให้หลายครั้งจนขี้เกียจพูดแล้ว

-วันเกิดของเพื่อน ลูกๆของเพื่อนทุกคนเขาจะซื้อเค้กหรือของขวัญให้ทุกคน เป็นคนไปซื้อเองทุกครั้ง แต่กับเรา เราไม่เคยได้เค้กจากเขาเลยค่ะ เคยได้ของขัวญจากเขาตอนคบกันปีแรกแค่นั้นครั้งเดียว ตอนนี้ผ่านมา 6 ปีแล้ว แม้แต่วันเกิดลูก เขาก็ไม่เคลียร์เวรออกถ้าไม่ย้ำนักย้ำหนา

-เราเคยทะเลาะกันจากอะไรหลายๆอย่างที่เราอัดอั้น เราเลยพลั้งปากออกไปขอเลิก เขาก็ยอมที่จะเลิกค่ะ มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเขาไม่รักเรา บวกกับที่เขาทำอะไรพูดอะไรจะไม่ค่อยแคร์ใจเราอยู่แล้ว เลยคิดไปว่าที่เขาแต่งเพราะมันพลาดมีลูก

ปัญหาเล็กๆน้อยๆพวกนี้ เราเคยปรับ เราเคยคุยกับเขาดีๆนะคะ แต่เขาก็บอกว่า เราต้องการคนที่ดีขนาดไหน เขาดีที่สุดแล้วและดีได้แค่นี้ และจะไม่ปรับอะไรทั้งนั้น ถ้าเราทนไม่ได้ เราก็จะทุกข์ไปตลอดชีวิต เขาบอก

เรายอมรับนะคะว่าเขาดี เขาดีในเรื่องช่วยเราแบ่งเบาภาระงานบ้านได้อย่างดีเยี่ยม ไม่มั่วสุมของมึนเมา ซื่อสัตย์ไม่นอกใจ แต่สิ่งที่เรารู้สึกทุกข์อยู่ทุกวันนี้คือสิ่งที่เราเล่ามานั้นแหละค่ะ เราเจอมันแทบทุกวัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราพยายามมองแต่สิ่งที่ดีในตัวเขาเพื่อข่มความไม่ดีพวกนั้น ให้มันผ่านไปในแต่ละวันในแต่ละครั้ง เพื่อใช้ชีวิตต่อไปเพื่อลูก จนบางครั้งมันทำให้เราคิดไปว่า ถ้าเขาไม่ช่วยงานบ้าน ให้เราทำเอง ถึงเราเหนื่อยอีกสักหน่อย หรือเหนื่อยเยอะกว่าเดิม แต่แลกกับการที่กลับมาบ้านแล้วพูดดีๆต่อกัน เกิดปัญหาแล้วพูดดีๆต่อกัน เวลาไปเที่ยวเราอยากไปแบบสบายใจ แบบสนุกสุดๆ โดยไม่ต้องมาทนกับอารมณ์ที่เขาแสดงออกมา เพราะมันแทรกเข้ามาในทุกบทบาทของชีวิตจริงๆนะคะ เราต้องข่มใจ เอาความดีมากลบ กลั้นน้ำตาไว้ ทุกๆครั้งจริงๆค่ะ

จนเราเกิดความเบื่อหน่าย เกิดความรู้สึกว่า เราไม่อยากจะเจอกับอารมณ์แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เราคิดผิด เราอยู่ในมุมมองที่ผิดไหมค่ะ หรือหลายๆครอบครัวก็เจอแบบเรา แต่เลือกที่จะมองผ่านไป หรือเรื่องที่เราเจอมันเป็นเรื่องปกติในการใช้ชีวิตคู่คะ ช่วยตอบเราทีค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
อืมมมมมมมมมม จะบอกว่า ไงดี คิดว่า ชีวิตคู่ ชีวิตครอบครัว เกือบทุกครัวเรือน ก็เป็นแหละ อยู่ที่จะปรับใจ ยังไง

แฟนคุณ เราว่า ก็คล้ายๆ แฟนเราอยู่นะ ตรงที่บอกว่า ถ้าเรารับไม่ได้ในสิ่งที่เค้าเป็นเค้าพูด คนที่ทุกข์ก็คือเรา คือ มันใช่อ่ะ และใช่ จะทุกข์ไปตลอดชีวิต หรือจะแค่ช่วงเวลาหนึ่ง เราก็ต้องเลือกเอง ทีนี้เราจะทำยังไง
เลือกจะทำใจยอมรับ และปรับใจ ปรับตัวเอง หรือเก็บกด มันไว้ แล้วรอระเบิด เลิกกันสักวัน
เราเลือกอย่างแรก คือ เราไปปฏิบัติธรรม ปรับใจ ทัศนคติเราก่อนค่ะ

แบบว่า หลายๆ ข้อ แฟนคุณ เหมือนแฟนเรา และคุณก็เหมือนเรา ตรงที่ ยอมมมมมมมมม แล้วก็มาเก็บกด หงุดหงิด ไม่มีความสุข ซึ่งไม่เป็นผลดีกับชีวิตเลย

แต่พอเรามาพิจารณาตัวเอง จริงๆ สิ่งที่แฟนพูดหลายๆ อย่างก็ถูกนะ เราหันมาดูตัวเองปรับปรุงตัวเอง แต่ก่อนเราไม่พอใจเค้า เพราะเราก็เอาแต่ใจตัวเอง คิดว่าตัวเองดีแล้วไง เลยมองเค้าไม่ดี เลยไม่พอใจเค้า

เราว่า หลายๆเรื่องที่คุณบอกมาแต่ละข้อ มันก็เล็กๆน้อยๆ แต่มันสะสม และไม่ดี แน่ ถ้าคุณไม่สะสางที่ใจคุณ เมื่อคุณเปลี่ยน แล้วสามีจะเปลี่ยนค่ะ จริงๆ เราเดาว่า บางทีคุณอาจจะใช้น้ำเสียง ไม่พอใจ อารมณ์ขุ่นมัวตามเค้าไปด้วย เค้าก็รู้สึกต่อต้าน เป็นธรรมดาของผู้ชายค่ะ
เพราะ ผช เป็นเพศที่ค่อนข้างไปทาง เผด็จการ บ้าอำนาจ และเห็นแก่ตัว (อันนี้ เราดูจากนิสัย พ่อ พี่ชาย น้องชาย และสามีเรานะ ไม่ได้เหมารวม ผช ทุกคน ดู ผช คนใกล้ตัวนะ)

ผญ ต้องเสียสละ มากกว่า เพื่อลูก เพื่อครอบครัว ต้องเป็นฝ่ายอดทน และประคับประคอง ครอบครัว ไม่งั้นเค้าไม่เปรียบเทียบว่า ขาดพ่อเหมือนถ่อหัก ขาดแม่เหมือนแพแตก หรอกค่ะ จริงมั้ยคะ?

-เวลาชวนเขาไปกินอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเขาไม่ชอบ เขาก็จะไม่พาไป บอกว่าแพง เราชวนเขาแค่ปีละครั้งเองนะ คือเข้าใจไหมเราขอแค่ปีล่ะครั้ง  นอกจากเขาจะนึกอยากกินขึ้นมา ถึงพาเราไปเอง หรือไม่ถ้าเขาอยากกินพิชซ่าแทน เขาก็จะไปกินพิซซ่า
           อันนี้ คุณก็ต้องหาวิธี พูด ออดอ้อน หรืออะไรก็แล้วแต่ ดูจังหวะ เองแล้วแหละ มารยาเมียนะ ถ้าคุณรู้จัก ผช ของคุณดีพอ ปห นี้จะแก้ไขได้นะ ลองดูค่ะ ใจเย็นๆ คุยดีๆ เราเชื่อว่า คุณต้องรู้นิสัย สามีคุณดีกว่าคนอื่นอยู่แล้วนะ แต่คุณจะยอมปรับตัวเองหรือป่าวเท่านั้นแหละ

-เขาไม่ยอมหัดรถให้ เพราะบอกว่าขอดูพฤติกรรมในการดูแลความสะอาดรถของเราก่อน กลัวว่าเราจะใช้รถรก นี่คือสิ่งที่เขาบอก ซึ่งเราไม่รู้ว่าเขาคิดแบบนั้นจริงๆไหม เราว่ามันดูเวอร์มาก และเราขอให้เขาหัดให้หลายครั้งจนขี้เกียจพูดแล้ว
            อันนี้ เราคิดว่า บอกเหตุผลเค้าดีๆ ตอนว่างๆ มีคนดูลูกให้ (ถ้าให้ลูกนั่งรถด้วยตอนหัดขับ ก็คงไม่สะดวกเท่าไหร่มั้ง ห่วงหน้าพะวงหลัง)
เรื่องทำความสะอาดรถ คุณก็มาช่วยเค้าเป่าฝุ่น ล้างรถ บ้าง ให้เห็นว่า เออใส่ใจรักรถ เหมือนกัน แล้วก็บอกเค้าว่า หัดให้เค้าขับเผื่อฉุกเฉิน คุณป่วยไข้ หนัก ขับรถไม่ไหว จะได้มีคนขับพาไปหาหมอ ขับรถเป็น 2 คน ดีกว่า คนเดียวอยู่แล้ว มีอะไรจะได้ช่วยๆกัน (ถ้าเค้าแฟร์พอ ต้องหัดให้ ไม่งั้นก็ออกแนว ยึดอำนาจ กลัวคุณไม่ง้อเค้า อยากไปไหนคุณก็ขับไป เราเคยแล้ว แฟนชอบอ้าง ไม่ชอบคนเยอะๆ กักลูกอยู่แต่บ้าน จะดักดาน เราขับไปรถเองเลย กลายเป็น คราวนี้ งอล เราอีก ว่าปีกกล้าขาแข็ง ดูลูกคนเดียวได้ จะให้เป็น single mom เอากะฮี ซิ ก็ตัวเอง ขี้เกียจไปไหน ไอ้เราก็อยากไป ลูกๆ ก็ควรมีโอกาสเที่ยวป่ะ น่าหมั่นไส้เนอะ สามีแบบนี้ แหมมมมม )


-วันเกิดของเพื่อน ลูกๆของเพื่อนทุกคนเขาจะซื้อเค้กหรือของขวัญให้ทุกคน เป็นคนไปซื้อเองทุกครั้ง แต่กับเรา เราไม่เคยได้เค้กจากเขาเลยค่ะ เคยได้ของขัวญจากเขาตอนคบกันปีแรกแค่นั้นครั้งเดียว ตอนนี้ผ่านมา 6 ปีแล้ว แม้แต่วันเกิดลูก เขาก็ไม่เคลียร์เวรออกถ้าไม่ย้ำนักย้ำหนา
             คือ อันนี้เข้าใจได้ คนส่วนใหญ่เป็น เห็นคนนอก สำคัญกว่าคนใกล้ตัว อันนี้ ก็ต้องค่อยๆ บอกเค้าแหละ แสดงน้ำใจได้ แต่อย่าให้เปลืองมาก ซื้อให้ลูกคนอื่น ลูกตัวจะน้อยใจนะ บลาๆๆๆ ก็ว่าไป

เราเลยพลั้งปากออกไปขอเลิก เขาก็ยอมที่จะเลิกค่ะ มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเขาไม่รักเรา บวกกับที่เขาทำอะไรพูดอะไรจะไม่ค่อยแคร์ใจเราอยู่แล้ว เลยคิดไปว่าที่เขาแต่งเพราะมันพลาดมีลูก

มา ชม. นี้เราว่า อดทน ก่อนเถอะ อย่าถึงกับต้องท้าเลิกกันเลย สงสารลูก เราว่า จริงๆ สามีคุณ ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย เหมือน สามีใครหลายๆคนนะ
ยังไง ยังพอแก้ไขได้ หมายถึง แก้ใจตัวเองก่อนนะ เค้านะไม่เปลี่ยนหรอก แต่เค้าจะเปลี่ยน เมื่อคุณเปลี่ยน เคยได้ยินคำนี้มั้ย
สิ่งรอบตัวเปลี่ยน เมื่อหมายในเราเปลี่ยนก่อน คือมันเป็นเรื่องของจิตวิทยา หรืออะไรไม่รู้ แต่ลองทำดู แล้วมันก็เวิร์ค อย่างที่เค้าว่าจริงๆอ่ะ

อย่างที่แม่ชีศันฯ ท่านบอก เปลี่ยนเค้าไม่ได้ เปลี่ยนที่ใจเราก่อน (คือ เราจะบ้า จะเลิก กะสามีทั้งที่ลูก 2 แหละ แต่เราหันกลับมาดูตัวเองใหม่ เข้าวัดหาแม่ชีฯ ก็รอดมาได้ถึงทุกวันนี้ มีความสุขดีนะ ^^ เหมือนความคิดต่อสามีเรา เปลี่ยนไป เราก็อยู่กับเค้าได้มีความสุขมากขึ้น ไมุ่ทกข์เหมือนเมื่อ
ก่อนอ่ะ ลองดูนะคะ เอาใจช่วยค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
คุณคิดไหมว่า จะอยู่กับผู้ชายคนนี้ ไปจนแก่เฒ่า  ได้ไหม   มองภาพในอนาคตนะคะ  มันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ และหนักข้อขึ้น เพราะ ยิ่งอยู่กันนาน ความเคยชิน จะทำให้ความเกรงใจ การให้เกียรติลดน้อยลงไป  อาจมีปากมีเสียง กันได้   รับมือได้ไหม

สังเกตว่า ต่างคนก็ต่างไม่พยายามเข้าใจกัน แต่ละคน ก็อยากจะให้อีกฝ่ายเข้าใจในมุมมองของตนเอง  ยอมปรับ ทำตามในมุมของตนเอง
เขาไม่ยอม คุณก็ไม่ยอม  ดูทรงแล้ว เขาเองก็คงมีสิ่งที่อึดอัดหรือรำคาญเกี่ยวกับคุณเหมือนกันนะ  เพียงแต่เขาไม่พูด

จากสิ่งที่คุณอึดอัด บางเรื่องมันก็ไม่น่าเอามาเป็นประเด็น  สามีภรรยา เป็นไปไม่ได้ที่จะชอบอะไรเหมือนกันทุกอย่าง
ขนาดฝาแฝดยังไม่เหมือนกันเลย  เปลี่ยนคนอื่นเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าเขาไม่พยายามปรับ  ฉะนั้น เปลี่ยนเราเองง่ายที่สุด  เปลี่ยนแรกคือเลิกคิดว่าเขาไม่ดี

สามีคนอื่นแย่กว่านี้เยอะแยะ  หรือถ้าคุณเลิกกันไป คนใหม่ที่เข้ามา อาจแย่กว่านี้อีก  จะทำไง  เขายังมีข้อดีอยู่มาก  ที่คุณบอกว่าเขาหมดรักคุณแล้ว นั่น ก็ไม่น่าจะใช่เสมอไป ตราบใดที่ยังไม่พบว่าเขามีคนอื่น  อาจเพียงเพราะอึดอัดเหือนกัน

  ต้องพูดคุยกันนะคะ  การศึกษาดี การงานดีกันทั้งคู่  น่าจะเข้าใจในเหตุและผลไม่ยาก     ท่องไว้นะคะ   ไม่มีใครทำให้เราถูกใจได้ทุกอย่างหรอกค่ะ ในโลกนี้  ขนาดตัวเราเองบางครั้งยังทำไม่ได้ดั่งใจเราเองเลย  แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น  ได้แค่ ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ดีแล้ว

เราเอง ไม่เคยได้ของขวัญอะไรจากพ่อบ้านเลย เค้าบอก ซื้อไม่เป็น  ไม่รู้จะเลือกแบบไหน วันเกิดใคร ไม่มีอยู่ในหัวสมอง  ความโรแมนติก ไม่มีค่ะ แต่เราไม่เคยทะเลาะกันเลย  เค้าบอกว่า เราพูดมากๆ เดี๋ยวก็หยุดพูดเอง เพราะเหนื่อย  เรื่องละเหี่ยใจมีเยอะค่ะ แต่ชินแล้ว ปล่อยไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่